Chapter 11
CUT SCENE
“เป็นของฉันนะดีพอ”
สิ้นเสียงทุ้มริมฝีปากหยักได้รูปก็ทาบทับลงมาอีกครั้ง
มันทั้งอ่อนหวานและร้อนแรงเกินครั้งไหนๆ น้ำใสไหลเลอะแต่กลับไม่มีใครสนใจ
ฉันอาจจะพ่ายแพ้ให้เหรินจวิ้นจริงๆ ก็ได้
“ระ... เหริน” ฉันเอ่ยเสียงกระท่อนกระแท่นหลังจากคนตัวโตผละริมฝีปากออกไป
นิ้วเรียวยาวไล้วนสะกิดจุดอ่อนไหวผ่านเนื้อผ้าจนต้องจิกเล็บลงบนวงแขนแกร่งเพื่อระบายความรู้สึกที่มันตีตื้นขึ้นมา
ไม่มีการตอบรับใดๆ
รู้ตัวอีกทีฉันก็นอนราบกับกระโปรงรถโดยมีคนตัวโตคร่อมทับอยู่แล้ว
อากาศเย็นโดยรอบไม่ได้ทำให้ร่างกายที่อุณหภูมิสูงกว่าปกติของฉันตอนนี้สะทกสะท้านเลย
“ดีพอ” นัยน์ตาสีนิลจ้องมองตรงมาที่ฉัน
ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาถอดแหวนออกไปเมื่อไหร่
สายตาแน่วแน่ที่ส่งตรงมากับสัมผัสนุ่มหยุ่นบนหลังมือมันทำให้อบอุ่นและรู้สึกเชื่อใจ
“มันจะโอเค ไว้ใจฉันไหม”
“เหริ- อ๊ะ!” ยังไม่ทันจะได้เรียกชื่ออีกคนก็ต้องเปล่งเสียงครางออกมาแทน มือซนเลิกเดรสเอ็มไพร์ลายดอกไม้ที่ฉันใส่มาขึ้นก่อนจะฝังหน้าลงกับแพนตี้ลายลูกไม้ตัวจิ๋ว
ลิ้นร้อนลากไล้ผ่านเนื้อผ้าจนฉันสะดุ้งเกร็งเผลอจิกเล็บลงบนแขนแกร่งที่ยึดสะโพกตัวเองเอาไว้
นิ้วเรียวยาวที่ซนไม่แพ้กับเรียวลิ้นไล้วนเขี่ยไปมาจนหลายครั้งที่ต้องยกสะโพกขึ้นหนี
“อ๊ะ! อาเหริน...”
“หืมมม ว่าไงคะ”
เสียงแหบพร่าตอบรับ มือข้างที่ว่างเลื่อนขึ้นมาบีบเฟ้นเนินอกเต่งตึง
ส่วนมืออีกข้างก็ทำหน้าที่ดึงแพนตี้ตัวจิ๋วปราการสุดท้ายออกมากองตรงข้อเท้าฉัน
ขาเรียวหุบฉับเข้าหากันทันที สัมผัสแปลกใหม่และความโล่งโจ้งมันทำให้ฉันกลัวจนเผลอจิกหัวอีกคนอย่างแรง
“เหริน!”
“มันอาจจะเจ็บ” ใบหน้าคมเงยขึ้นสบตากับฉัน มือหนาเอื้อมมาจับมือเล็กเอาไว้ บีบเบาๆ
เหมือนต้องการจะให้กำลังใจ “ถ้าเธอกลัว พอแค่นี้ก็ได้นะ”
“พะ.. พอก่อนได้ไหม”
ได้ยินฉันพูดแบบนั้นเขาก็ยิ้ม มันเป็นรอยยิ้มชวนฝันจริงๆ เหรินจวิ้นไม่ได้มีท่าทีโกรธหรือโมโหใดๆ
เขาแค่หยิบแพนตี้มาใส่ให้ฉันเหมือนเดิม
จัดเสื้อผ้าให้และอุ้มฉันเข้ามาวางในรถพร้อมกับเปิดฮีทเตอร์
“โกรธฉันไหม” มือเรียวยาวยื่นมาจับมือฉันไปแนบแก้มของตัวเอง นัยน์ตาสีนิลหมองลงเล็กน้อย
คงจะกลัวฉันโกรธสินะ... ฉันไม่ได้โกรธเขาหรอก
เราเป็นคู่หมั้นกันและฉันไม่ได้หัวโบราณขนาดนั้น แต่ฉันแค่ยังไม่พร้อม...
“ไม่โกรธ” ฉันยิ้มน้อยๆ ลูบแก้มสากเบาๆ
เหรินจวิ้นจับมือฉันไปจูบก่อนจะเลื่อนมันลงไปตรงใจกลางลำตัวที่มีมังกรยักษ์หลับใหลอยู่
ฉันสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อสัมผัสได้ว่ามันไม่ได้หลับแต่มันตื่น!
“ช่วยหน่อยได้ไหม”
น้ำเสียงออดอ้อนกับสายตาเหมือนลูกแมวนั่นทำให้ฉันพูดไม่ออก
พอจะเดาได้อยู่ว่าเขาต้องการให้ช่วยอะไร ฉันไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดนั้น
เพียงแต่ฉันทำไม่เป็น!
“เอ่อ...”
“ไม่ได้หรอ” นัยน์ตาเหมือนนักล่าหมองลง แสร้งทำหน้าเศร้าน้ำตาคลอหน่วยจนสุดท้ายฉันต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้ค่อยๆ
ปลดเข็มขัดและกระดุมกางเกงยีนนั่นออก
มันเหมือนกับเวลาอยู่ใกล้เหรินจวิ้นแล้วฉันไม่มีแรงต้านทาน
ยิ่งเวลาสบเข้ากับนัยน์ตาสีนิลทุกอย่างเหมือนกับต้องเป็นไปตามที่เขาต้องการ
ฉันดูไม่เป็นตัวของตัวเองเลยเช่นตอนนี้
มือใหญ่ช่วยจัดการล้วงเจ้ามังกรตัวเขื่องออกมาให้
ฉันได้แต่กระพริบตาปริบๆ มอง แต่มีหรือคนที่ดูมีประสบการณ์มากกว่าจะให้ฉันทำแค่มอง
มือหนายื่นมาจับมือฉันไปวางบนแกนกายตัวเองแผ่วเบา จับมือฉันชักรูดมันไปเบาๆ
พร้อมกัน
“อ่าห์... ดีพอ” ฉันเงยหน้าขึ้นสบตากับเขาอีกครั้ง
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์จุดขึ้นตรงมุมปากสวย
รู้ตัวอีกทีฉันก็ก้มหน้าจูบเจ้ามังกรนี่อย่างรักใคร่แล้ว
มือเล็กยังคงทำหน้าที่ขยับขึ้นลงเบาๆ
ริมฝีปากเล็กดูดดุนพวงไข่ตูมเต่งทั้งสอง
ไล่ขึ้นมาตามโคนที่มีเส้นเลือดปูดโปน เลียวนรอบหัวหยักก่อนจะครอบครองมันเข้ามาในโพรงปาก
เหรินจวิ้นครางต่ำด้วยความพอใจ มือใหญ่รวบผมฉันขึ้นไม่ให้เกะกะ
มืออีกข้างก็ลูบแก้มเนียนราวกับจะชื่นชมที่ทำให้เขาพอใจ
“อ่าห์.. เร็วอีก”
“อืม..
เก่งมากครับเด็กดี”
คำชมมากมายหลุดออกมาจากริมฝีปากได้รูป
น้ำเสียงแหบพร่าครางต่ำน่าฟังยิ่งทำให้มือเล็กเร่งจังหวะในการชักรูด
เอวสอบเด้งรับจนฉันต้องโก่งคอรอรับ มันเหมือนจะอ้วกในทีแรก แต่คนมากประสบการณ์ก็ผ่อนแรงลงเมื่อรู้ว่าฉันไม่ไหว
“ซี๊ดดด อ่าห์..
เร็วอีกครับดีพอ”
เหมือนขีดความอดทนของพ่อนักล่าแวมไพร์จะหมดลงแล้ว น้ำรักถูกปลดปล่อยออกจากท่อกายร้อนเต็มโพรงปาก
ฉันเลยต้องกลืนมันลงไปอย่างเสียไม่ได้ รสชาติคาวเฝื่อนยังคงติดอยู่ในปาก
แต่ดูเหมือนยังไม่หมดริมฝีปากอิ่มเลยดูดตรงส่วนปลายจนเกิดเสียงดังน่าอายเพื่อให้พิษแวมไพร์นี่ออกมาหมด
.......................
เนื้อหายังไม่จบนะคะ กลับไปอ่านในเด็กดีต่อได้เลยจ้า
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น